วิธีปลูกบานชื่น (Zinnia)

บานชื่น

บานชื่น เป็นชนิดหนึ่งในไม้ดอกสามชนิดที่นิยมปลูกมากที่สุด (ดาวเรือง พิทูเนีย บานชื่น) ในอเมริกา นอกจากจะนิยมปลูกเป็นไม้ประดับบ้านเรือน (bedding plant) แล้ว บานชื่นสมัยใหม่นี้ยังเหมาะที่จะใช้ปลูกเป็นไม้กระถาง (pot plants) อีกด้วย

บานชื่น มีชื่อที่จัดว่าเป็น “มงคลสนาม” ในเมืองไทยเราผู้คนที่เชื่อถือโชคลางยังมีอยู่มาก ดังนั้น การเลือกปลูกดอกไม้ต้นไม้ เพื่อตกแต่งบ้านเรือน หรือไว้ใช้ประโยชน์ มักจะนิยมสรรหาไม้เป็น “มงคลสนาม” เป็นอันดับแรก เช่น ดอกดาวเรือง (ผู้ปลูกคาดว่าจะนำความรุ่งเรืองมาให้) พุทธรักษา ธรรมรักษา (คิดว่าจะช่วยคุ้มครอง) มะม่วง มะยม มะขาม (จะช่วยเรียก เงิน ทอง ให้หลั่งไหลเข้ามาในบ้าน เพราะ “มะ” มาจากคำว่า “มา”) ดังนั้น บานชื่นจึงน่าจะนำมาซึ่งความสดชื่น เบิกบานเช่นเดียวกัน และในทางตรงข้าม คนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมปลูกต้นลั่นทมไว้ในบ้าน ทั้ง ๆ ที่สวยงาม ทั้งนี้ เพราะชื่อนั้นเอง ลั่นทมคงจะทำให้ระทม เศร้าสร้อย จึงไม่ปลูก ต้นเลื่อน หรือเกรียน ซึ่งมีทรงต้นและดอกสวยก็ไม่นิยมปลูกเช่นกัน เพราะคิดว่า จะทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว เป็นต้น

นอกจากบานชื่นจะมีชื่อที่เป็นมลคงแล้ว ยังเป็นไม้ดอกที่ปลูกง่ายเลี้ยงง่าย ไม่พิถีพิถันต่อการดูแลรักษา ดินที่ใช้ปลูกจะเหนียวไปนิด หรือ ร่วนไปหน่อยก็ไม่ว่ากระไร ฝนจะตกแดดจะออกก็ทนได้ คือเป็นไม้ที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั่นเอง

การปลูกไม้ดอกไม้ประดับบ้านเรือนทำให้บ้านเรือนมีสรรดูสดชื่น เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมโดยไม่ต้องลงทุนมากมายนัก บานชื่นน่าจะถูกเลือกเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว อีกทั้งในปัจจุบันนี้ มีบานชื่นพันธุ์ใหม่ทั้งที่เป็นพันธุ์แท้ (inbred lines) และลูกผสม (hybrid) ซึ่งมีฟอร์มดอก สีสัน ตลอดจนขนาดของพุ่มต้นหลายรูปแบบให้เลือกมากมาย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของบานชื่น

บานชื่น เป็นไม้ดอกฤดูเดียว (annual) ลักษณะลำต้นมีขน ใบเป็นแบบ ovate ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ใบติดกับลำต้น (sessile petiole) เส้นใบเป็นแบบ palmately แยกออกจากฐานของใบมี 5 แฉก การจัดเรียงของใบเป็นแบบตรงข้าม (opposite) ดอกเป็นแบบ head มีหลายสี

การจำแนกบานชื่น

1. บานชื่นลูกผสม (F1-hybird) ในประเภทนี้ ได้แบ่งย่อยไปอีกตามขนาดของดอกดังนี้

1.1 Giant Flower ประเภทดอกใหญ่ คือ มีดอกขนาดใหญ่มาก ส่วนพุ่มต้นนั้นมีทั้ง

– Dwaf (ต้นเตี้ย) พุ่มต้นสูงเพียง 10-12 นิ้ว ดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 นิ้ว ดอกดก มีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์ในชุด Peter Pan มีหลายสี สีครีมได้แก่ Peter Pan Cream ซึ่งได้รับ AAS (All American Award Selection) 1978 สีเหลือง ได้แก่ Peter Pan Gold ซึ่งได้รับ ASS 1979 สีส้ม Peter Pan Orange, สีชมพู Peter Pan Pink, สีแดง Peter Pan Scarlet พันธุ์ในชุดนี้เป็นที่นิยมมาก

– Tall (ต้นสูง) มีพุ่มต้นระหว่าง 24-36 นิ้ว พันธุ์ในประเภทนี้มี 3 ชุด คือ Giant Cactus Flowered ซึ่งมีพุ่มต้นสูง 24-30 นิ้ว ดอกซ้อนหลายชั้น เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 4 นิ้ว กลีบดอกบิดม้วน ดอกดก และสม่ำเสมอ พุ่มต้นกระทัดรัดมีหลายสี เช่น สีครีม ได้แก่ Carved Ivory, สีชมพู ได้แก่ Nectarine, สีส้ม ได้แก่ Tangerine, สีแดง เช่น Wild Cherry เป็นต้น ชุดสองได้แก่ Zenith มีพุ่มต้นสูง 30 นิ้ว ขนาดดอกใหญ่มากคือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-6 นิ้ว ดอกดก พุ่มต้นกระทัดรัด ก้านดอกแข็งเหมาะที่จะทำเป็นไม้ตัดดอก มีหลายสี เช่น สีแดงได้แก่ พันธุ์ Firecracker สีชมพูได้แก่ Rosy Future สีส้มได้แก่ Torch สีเหลืองได้แก่ Yellow Zenith อีกชุดหนึ่งได้แก่ Giant Dahlia Flowered พันธุ์ในชุดนี้มีสีแดง และสีเหลืองเท่านั้น สีแดงได้แก่พันธุ์ Red Sun ซึ่งได้ AAS ปี 1978 พุ่มต้นสูง 18-24 นิ้ว ดอกสีแดงเข้ม ซ้อนหนา กลีบและฟอร์มของดอกคล้ายดอก Dahlia (รักแรก) เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 4 นิ้ว แตกกิ่งก้านดีมาก สีเหลืองได้แก่ Gold Sun ซึ่งได้ AAS ปี 1979 พุ่มต้นสูง 18-24 นิ้ว ดอกสีเหลืองทอง ลักษณะดอกขนาดดอกเหมือน Red Sun ทุกประการ

1.2 Medium Flowered มีขนาดดอกบานกลางเส้นผ่าศูนย์กลางดอก 2 นิ้วครึ่ง มีพุ่มต้นสงุง 2 ฟุต ถึง 2 ฟุตครึ่ง พันธุ์ที่ใช้ปลูกมีชุดของ Ruffles (Ruffles Scries) มี 4 พันธุ์คือ Cherry Ruffles ได้ AAS 1978, Pink Ruffles, Scarlet Ruffles, White Ruffles และ Yellow Ruffles (AAS 1978)

1.3 Small Flowered เป็นบานชื่นที่มีดอกขนาดเล็ก มีพุ่มต้นหลายขนาด คือ

– Extra Dwarf ต้นเตี้ยมาก สูงเพียง 6 นิ้ว พุ่มต้นกระทัดรัดมาก บานดอกเร็ว ได้แก่พันธุ์ในชุด Mini Scries มีหลายสี สีชมพูได้แก่ Mini Pink, ชมพูเข้ม ได้แก่ Mini Salmon

– Dwarf พวกต้นเตี้ย พุ่มต้นสูง 6-12 นิ้ว ดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้วครึ่ง เหมาะสำหรับปลูกทั้งประดับแปลงและตัดดอก ได้แก่พันธุ์ในชุด Buttons มีหลายสี เช่น สีแดงได้แก่ Cherry Buttons, สีชมพูได้แก่ Pink Buttons, สีแดงเข้มได้แก่ Red Buttons และสีเหลืองได้แก่ Yellow Buttons

– Half Tall (ต้นสูงปานกลาง) คือ มีพุ่มต้นสูง 1 ฟุตครึ่ง ถึง 2 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 2 นิ้ว พุ่มต้นกลม มีจำหน่ายพันธุ์เดียวได้แก่ Cupidon Elite ซึ่งมีปนกันหลายสี

1.4 Single Flowered (ดอกชั้นเดียว) หมายถึงบานชื่นที่มีดอกชั้นเดียวพุ่มต้นสูง 14-18 นิ้ว มี 2 สีในดอกเดียวกัน คือ ตรงกลางมีสีแดงเข้ม ปลายกลีบดอกสีทอง เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 2 นิ้วครึ่ง ต้นมีอายุยืนนาน ใช้ปลูกประดับแปลงและเป็นไม้ตัดดอกได้แก่พันธุ์ Sombrero

2. พันธุ์แท้ (Inbred varieties) มีขนาดดอกไม่ใหญ่นัก พุ่มต้นไม่กระทัดรัด ดังเช่น พวก F1-hybrid แต่ใช้เป็นไม้ประดับได้สวยงามพอใช้ มีหลายขนาด

2.1 Semidwarf มีพุ่มต้นเตี้ยปานกลาง คือสูงประมาณ 20 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 3-4 นิ้ว กลีบดอกหยิกเป็นคลื่นเล็กน้อยมี 2 สีในดอกเดียวกัน ได้แก่พันธุ์ Whirligig

2.2 Tall พันธุ์ต้นสูงคือสูง 24-36 นิ้ว ดอกมีหลายรูปแบบแล้วแต่พันธุ์ เช่นพันธุ์ Red Man ซึ่งมีสีแดง

2.3 Giant Tetra หมายถึงบานชื่นที่มีโครโมโซม 4 ชุด (Tetraploids) ซึ่งถ้าเทีบบกับพันธุ์ที่มีโครโมโซมปกติที่มี 2n (diploids) แล้วจะพบว่ามีทั้ง pollen และ egg ลดลง เป็นผลทำให้การติดเมล็ดลดลงด้วย ตามปกติแล้วพืชที่มีโครโมโซม 4 ชุดนี้ มักจะมีลักษณะเด่นชัดปรากฎให้เห็น เช่น ดอกใหญ่ผิดปกติ (แต่ก็ไม่เสมอไป) สำหรับบานชื่น มีพันธุ์ที่เป็น tetraploids หลายพันธุ์คือ พันธุ์ในชุด State Fair ซึ่งมีความสูงของต้นถึง 36 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 5-6 นิ้ว กลีบดอกกว้าง ใบหนา และยังต้านทานโรคใบจุดที่เกิดจากเชื้อรา และโรค mildew มีหลายสี เช่น สีแดง ได้แก่ พันธุ์ Bright Scarlet Shades สีส้มได้แก่ Orange Shades สีชมพูได้แก่ Pink Shades สีขาวได้แก่ White Shades สีเหลืองได้แก่ Yellow Shades หลาย ๆ สี ได้แก่ State Fair Mixture

2.4 Dahlia Flowered หรือ Giant Mammoth มีขนาดดอก 4-5 นิ้ว พุ่มต้นสูง 30 นิ้ว การแตกกิ่งก้านดีแข็งแรงดอกซ้อนหนาเช่นพันธุ์ Envy ดอกสีไพล เป็นต้น

การปลูกบานชื่น

การปลูกบานชื่น สามารถทำได้ทั้งด้วยเมล็ดและกิ่งชำ แต่เนื่องจากเป็นไม้ที่ปลูกง่ายเลี้ยงง่าย จึงนิยมขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ได้ต้นเป็นจำนวนมากเหมาะที่จะใช้เป็นไม้ประดับแปลงซึ่งต้องใช้จำนวนต้นมาก ๆ อยู่แล้ว

1. โดยใช้เมล็ด บานชื่นมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับไม้ดอกอื่น ๆ เมล็ด 1 ออนซ์มีตั้งแต่ 3,000-6,000 เมล็ด แล้วแต่ประเภทของบานชื่น จึงไม่จำเป็นต้องเพาะเมล็ดในกระบะเพาะดังเช่นทำกับไม้ดอกอื่น ๆ

เพียงแต่เตรียมแปลงปลูกในที่ที่ต้องการปลูกบานชื่น แล้วทำหลุมตื้น ๆ เป็นหลุม ๆ หรือทำร่องตื้น ๆ ตามทางยาวของแปลง แล้ววางเมล็ดบานชื่นไปหลุมละ 2-3 เมล็ด หรือวางเมล็ดลงไปในร่องเป็นระยะ ๆ ตามขนาดของพุ่มต้น ถ้าเป็นต้นเตี้ยระยะ 20 ซ.ม. ถ้าเป็นต้นสูงใช้ระยะระหว่างหลุมหรือจุด 30-40 ซ.ม. ไม่จำเป็นต้องกลบเมล็ดด้วยดิน แต่ถ้ามีฟางข้าว หรือขุยมะพร้าว จะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งคลุมหรือปิดเฉพาะหลุมบาง ๆ หลังรดน้ำและรดน้ำตามอีกครั้งหนึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในหลุมและร่องปลูกได้ดีกว่า ทำให้เมล็ดงอกเร็วกว่า ถ้าไม่คลุมด้วยฟางหรือขุยมะพร้าวดังกล่าวแล้วอาจจะเกิดปัญหาได้บ้างในเรื่องความชุ่มชื้น ดิน หรือร่องที่หยอดเมล็ดอาจจะแห้งทำให้เมล็ดงอกช้าหรือไม่งอกเลย ในทางตรงข้ามถ้าไม่คลุมหลุมด้วยฟางหรือขุยมะพร้าว เวลารดน้ำถ้าไม่ระมัดระวังอาจจะทำให้ดินข้าง ๆ หลุมกลบเมล็ดที่หยอดไว้มาก (หนา) เกินไป ทำให้เมล็ดงอกช้า หรือไม่งอกเลยเพราะเมล็ดเน่าตายไปก่อนก็อาจเป็นได้

เมื่อเมล็ดงอกแล้ว (ประมาณ 3-5 วัน) ต้นที่งอกโตพอสมควร จะถอนแยกให้เหลือเพียงต้นเดียวต่อ 1 หลุม ส่วนอีก 1-2 ต้นนั้นนำไปปลูกที่อื่นต่อไป

2. โดยใช้ส่วนยอกปักชำ (terminal cutting) วิธีนี้ดังได้กล่าวแล้วว่าไม่นิยมทำเพราะได้จำนวนต้นน้อยกว่า แต่ถ้าจำเป็นหรือเป็นผลพลอยได้จากการเด็ดยอด จะนำเอาส่วนยอดที่ยังไม่เกิดตาดอก ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว นำไปปักชำในกระบะพลาสติกหรือลังน้ำหวาน หรือในกระถาง โดยพยายามรักษาความชุ่มชื้นให้ดีที่สุด อย่าให้ใบหรือยอดเหี่ยวกิ่งชำจะออกรากภายใน 7-10 วัน

วัสดุที่ใช้ปักชำควรจะใช้ทรายผสมกับขุยมะพร้าว หรือทรายผสมกับถ่านแกลบในอัตราส่วน 1:1 หรือ 1:2 คลุกเคล้ากับน้ำให้ส่วนผสมชื้น บรรจุลงในกระบะหรือตะกร้าเพียง ครึ่งหรือไม่เกิน 2 ใน 3 ของความสูง นำยอดบานชื่นชำเป็น 3 แถว ให้มีระยะระหว่างต้นและแถว 2 x 2 นิ้ว รดน้ำให้โชก แล้วบรรจุกระชำไว้ในถุงพลาสติกปิดปากถุงให้แน่นทิ้งไว้ในที่ร่มประมาณ 7-10 วัน กิ่งชำจะออกราก แต่ถ้าไม่มีถุงพลาสติก จะวางกระบะชำไว้ในที่ร่มแล้วรดน้ำเช้าเย็นแทนก็ย่อมได้

การเตรียมดินเพื่อปลูกบานชื่น

แม้ว่า บานชื่นจะสามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิดก็ตามที แต่ถ้าได้มีการเตรียมดินให้ดี มีธาตุอาหารครบครัน มีการระบายน้ำดี กักเก็บความชื้นไว้พอควร pH ประมาณ 6-6.5 โดยการเติมอินทรีย์วัตถุเท่าที่หาได้ลงไปบ้าง เติมซุปเปอร์ฟอสเฟต และปุ๋ยผสม 15-15-15 รองก้นหลุมอย่างละหนึ่งช้อนชา จะได้บานชื่นที่มีพุ่มต้นสวยสมบูรณ์ ดอกดก คุณภาพดอกดี น่าชื่นชม

การดูแลรักษาบานชื่น

นอกจากมีการรดน้ำประจำทุกเช้าแล้ว ควรจะมีการใส่ปุ๋ย และฉีดพ่นยาฆ่าแมลงตลอดจนยากันราเป็นประจำ เช่น ให้ปุ๋ยเสริมโดยการใช้ปุ๋ยผสม 15-15-15 1 ช้อนแกงต่อน้ำ 1 บัว (10 ลิตร) รดหลังจากรดน้ำทุกเช้าวันจันทร์ ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงทุกวันพุธ พ่นยากันราทุกวันศุกร์จนกว่าดอกบาน คือหลังจากหยอดเมล็ดประมาณ 65 วัน แล้วแต่พันธุ์

ดังนั้น จึงไม่เป็นปัญหาอันใดเลย ไม่ว่าจะเป็นดินเหนียวหรือดินปนทราย ถ้าได้ปรับปรุงด้วยอินทรีย์วัตถุให้ได้คุณลักษณะแล้ว จะปลูกไม้ดอกอะไรก็ย่อมได้ ยิ่งได้ไม้ดอกที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวดังเช่นบานชื่นแล้ว ไม่มีปัญหาเลย แต่บานชื่นต้องการแสงแดดจัด ต้องปลูกกลางแจ้ง ให้ได้รับแสงแดดโดยตรงอย่างน้อยวันละ 6 ชม.