วิธีปลูกผักคะน้าจีน (Chinese Kale)
ผักคะน้าจีน หรือ ผักคะน้า เป็นผักที่นิยมปลูกในเมืองไทยกันเป็นอย่างมาก ส่วนต่างประเทศจะนิยมปลูกคะน้าอื่นๆ มากกว่า เช่น คะน้าใบฝอย และคะน้าฝรั่ง คะน้าจีนพันธุ์ที่ปลูกกันนั้นถูกนำมาจาก Asia minor นิยมปลูกกันมากในแถบเอเชีย มีชื่อภาษาจีนว่า ไก่หลันไช่ พันธุ์ที่ปลูกกันในเมืองไทยทั้งหมดเป็นพันธุ์ดอกขาว เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ในปลูกมักนำเข้ามาจากต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน เป็นต้น และเท่าที่นิยมปลูกกันโดยส่วนมาก สามารแยกตามลักษณะของต้นได้เป็น 3 จำพวก ดังนี้
- คะน้าใบกลม เป็นคะน้าที่มีใบกว้างใหญ่ ปลายใบมีลักษณะมน แผ่นใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ลำต้นมีข้อสั้นๆ
- คะน้าใบแหลม เป็นคะน้าที่มีใบแคบกว่า ปลายใบมีลักษณะแหลม ข้อของลำต้นจะยาวกว่า ผิวใบเรียบ
- คะน้ายอด หรือ คะน้าก้าน จะมีลักษณะใบเหมือนคะน้าใบแหลม แต่มีใบน้อยกว่า ข้อของลำต้นห่างกันมาก
การเตรียมปลูกผักคะน้าจีน
ผักคะน้าจีนจะปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส แต่ก็สามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงได้ดีเช่นกัน โดยมีอายุในการปลูกจนกระทั่งสามารถเก็บเกี่ยวได้อยู่ที่ประมาณ 45-55 วัน เป็นผักที่มีขนาดต้นสูง ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 35-50 เซนติเมตร เป็นผักที่ต้องการความชุ่มชื้นของดินสูงอยู่ตลอดเวลาในการเจริญเติบโต และต้องการดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ที่ประมาณ 5.5-6.8 และต้องการแสงแดดเพื่อช่วยในการเจริญเติบโตตลอดทั้งวัน
โดยทั่วไปมักจะนิยมปลูกผักคะน้าจีนด้วยวิธีการหว่านลงบนแปลงปลูกเลย อีกทั้งคะน้าจีนเป็นผักที่มีรากตื้น ดังนั้นในการเตรียมดินควรเตรียมดินให้ลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก็ใช้ได้ โดยวิธีการเตรียมดินนั้นให้ทำการขุดดินขึ้นมาตากประมาณ 7-10 วัน พร้อมทั้งทำการย่อยดินและใส่ปุ๋ย ซึ่งควรใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่สลายตัวแล้ว และควรทำการย่อยดินให้หน้าดินละเอียดมากที่สุด เพราะเมล็ดพันธุ์มีขนาดค่อนข้างเล็ก
การปลูกและการดูแลผักคะน้าจีน
แม้ว่าจะนิยมปลูกคะน้าจีนแบบหว่านลงในแปลง แต่ในการปลูกแบบย้ายกล้าก็ทำให้ประหยัดเมล็ดพันธุ์ไปได้อย่างมาก ซึ่งโดยปกติการปลูกแบบหว่านจะใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 1-2 กิโลกรัม / ไร่ แต่ถ้าปลูกแบบย้ายกล้าจะใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 35 กรัม / ไร่ เพียงเท่านั้น
ในการปลูกคะน้าจีนนั้น เมื่อทำการหว่านเมล็ดพันธุ์เรียบร้อยแล้วให้ทำการกลบด้วยดินร่วนหรือปุ๋ยหมักให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วใช้ฟางคลุมเอาไว้ ส่วนการรดน้ำนั้นให้ใช้ระบบฝอย ในกรณีที่ปลูกแบบย้ายกล้านั้นให้ย้ายกล้าปลูกลงแปลงได้เมื่อกล้ามีอายุได้ 25-30 วันแล้ว ส่วนการปลูกแบบหว่าน เมื่อกล้ามีอายุได้ 20 วัน ก็ให้ทำการถอนทิ้งเพื่อจัดระยะห่างระหว่างคะน้าแต่ละต้นด้วย
เมื่อย้ายกล้าหรือถอนแยกเรียบร้อยแล้ว (ขึ้นอยู่กับว่าปลูกแบบใด) ให้ทำการใส่ปุ๋ยยูเรีย หรือปุ๋ยสูตรผสม 20-10-10 ในอัตรา 30-40 กิโลกรัม / ไร่ และเมื่อคะน้ามีอายุได้ 30 วัน ควรถอนแยกอีกทีโดยให้มีระยะห่างระหว่างต้นอยู่ที่ประมาณ 25 เซนติเมตร แล้วให้ปุ๋ยสูตร 20-10-10 ในอัตราเดิมอีกครั้ง ส่วนการรดน้ำนั้นจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้ดินขาดน้ำในช่วงของการเจริญเติบโต เพราะคะน้าเป็นผักโตเร็วและมีอายุสั้น หากชะงักการเจริญเติบโตจะทำให้คุณภาพของผักเลวลง
การเก็บเกี่ยวคะน้าจีน
โดยทั่วไปคะน้าที่ส่งตลาดมักเก็บเกี่ยวเมื่ออายุประมาณ 45-50 วัน ซึ่งเป็นคะน้าที่โตเต็มที่และได้น้ำหนักมากที่สุด สำหรับในตอนที่ปลูกแล้วถอนแยกคะน้าทั้ง 2 ครั้งนั้นก็สามารถนำไปขายในตลาดได้เช่นเดียวกัน ส่วนวิธีเก็บนั้นให้ทำการใช้มีดคมๆ ตัดที่บริเวณโคนต้น แล้วแต่งใบล่างๆ ที่แก่หรือถูกศัตรูพืชทำลายทิ้งไป แล้วนำไปจุ่มน้ำจากนั้นก็ให้บรรจุลงภาชนะเพื่อทำการส่งไปขายที่ตลาดต่อไป